เมื่อเอ่ยถึง “โฟมกันความร้อน” หรือ “ฉนวนกันความร้อน” น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก เพราะถือว่าเป็นวัสดุป้องกันความร้อนที่สำคัญอย่างหนึ่งของบ้านเรา ที่จะช่วยยืดอายุของบ้านหรืออาคาร และมีให้เลือกมากมายในท้องตลาด ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็มีคำโฆษณาน่าสนใจแตกต่างกันไป แต่คุณสมบัติที่ดีของโฟมกันความร้อนที่ดีควรมีลักษณะดังนี้

- สามารถลดอัตราการแผ่รังสีจากดวงอาทิตย์ได้ 70% – 90% โดยดูจากค่าสัมประสิทธิ์ของการนำความร้อน ( ค่า K) ยิ่งน้อย แสดงว่าเป็นโฟมกันความร้อนที่สามารถต้านทานความร้อนได้ดีกว่า
- โฟมกันความร้อนสามารถทนต่อการใช้งานในสภาพที่มีอุณหภูมิต่ำ (>-70 องศาเซลเซียส) จนถึง อุณหภูมิสูง (<100 องศาเซลเซียส)
- สามารถประหยัดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ เพราะการติดตั้งโฟมกันความร้อน คือ เราต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายในเรื่องการใช้เครื่องปรับอากาศหรือเครื่องทำความชื้นต่าง ๆ ที่ใช้ในบ้านหรือโรงงาน ถ้าโฟมกันความร้อนมีค่านำความร้อนน้อย และสามารถลดความร้อนได้ ก็จะทำให้ลดภาระค่าใช้จ่ายตรงนี้ได้มากขึ้น จึงถือว่าเป็นหัวใจหลักของการเลือกโฟมกันความร้อนเลยก็ว่าได้
โฟมที่นิยมนำมาทำเป็นฉนวนกันความร้อน มักมีส่วนประกอบของโพลียูรีเทนที่มีความยืดหยุ่นและสามารถลดอัตราการแผ่รังสีของดวงอาทิตย์ได้ดี นอกจากนี้แล้ว โฟมกันความร้อนชนิดนี้ยังสามารถลดเสียงดังจากสิ่งแวดล้อมภายนอกที่จะมารบกวนการทำกิจกรรมของคนที่อาศัยหรือทำงานภายในตัวอาคารอีกด้วย